บ้านโป่งไฮ หมู่ที่ ๒๑ ตำบลแม่สลองใน อำเภอแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย
เดิมราษฎรบ้านโป่งไฮอาศัยอยู่ในเขตประเทศพม่า และอพยพครอบครัวเข้ามาอาศัยอยู่ในเขตชายแดนประเทศไทย เมื่อปี พ.ศ.๒๔๗๔ บริเวณต้นน้ำโป่งไฮ จำนวน ๑๘ ครอบครัว
โดยนายทูมอ เป็นผู้นำหมู่บ้าน ต่อมาชุดเฝ้าตรวจชายแดนกองร้อยที่ ๒ ค่ายกิ่วทัพยั้ง อำเภอแม่จัน จังหวัดเชียงราย สังกัดกองกำกับการตำรวจตระเวนชายเขต ๕ อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ ได้เข้ามาตั้งชุดเฝ้าตรวจชายแดนที่ ๒ บริเวณชายแดนติดกับบ้านโป่งไฮเก่า
ด้วยเหตุที่ว่าประชาชนในพื้นที่รับผิดชอบของชุดเฝ้าตรวจชายแดนที่ ๒ เป็นชนเผ่าอาข่าไม่สามารถใช้ภาษาในการสื่อสารกันได้ อีกทั้งหมู่บ้านตั้งอยู่ในถิ่นทุรกันดารห่างไกลคมนาคม และยังไม่มีหน่วยงานด้านการศึกษาหรือหน่วยงานอื่นๆ
เข้ามายังหมู่บ้านทั้งเพื่อเป็นการทำงานด้านการข่าว งานด้านมวลชนสัมพันธ์ และติดต่อประสานงานกับชุมชน ทางชุดเฝ้าตรวจชายแดนที่ ๒ จึงร่วมกับชาวบ้านจัดตั้งโรงเรียนชั่วคราวขึ้นครั้งแรกในหมู่บ้านเมื่อเดือน กรกฎาคม ๒๕๒๒
โดยมีจ่าสิบตำรวจสมาน พิทักษ์วงศ์ ทำหน้าที่ครูใหญ่และ พลฯ อนุรักษ์ บุตรธนู เป็นครูผู้สอนมีนักเรียนทั้งหมด ๑๘ คน
เมื่อปี ๒๕๒๕ ได้เกิดพายุรุนแรงพัดอาคารเรียนพังเสียหาย จึงได้ย้ายไปสร้างที่ใหม่ ห่างจากเดิม ๒๐๐ เมตร
เมื่อวันที่ ๒๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๓๓ ได้รับการอนุมัติจากสำนักงานคณะกรรมการการประถมศึกษาแห่งชาติ ให้จัดตั้งเป็นโรงเรียนประถมศึกษาเอกเทศ
ต่อมาเมื่อเดือนธันวาคม ๒๕๓๔ ราษฎรได้อพยพพร้อมกับย้ายโรงเรียนลงมาตั้งหมู่บ้านอยู่ในพื้นที่ปัจจุบัน สาเหตุเนื่องจากราษฎรได้รับผลกระทบจากกองกำลังของทหารว้าเข้ามารบกวนลักขโมยสัตว์เลี้ยง
และความไม่ปลอดภัยในชีวิตราษฎรได้รวมตัวกันเข้าไปร้องเรียนกับหน่วยงานของทางราชการประชาสงเคราะห์ (ขณะนั้น) จนนำไปสู่การย้ายหมู่บ้านตามที่ปรากฏในปัจจุบัน
นอกจากทำการสอนตามหลักสูตรของกระทรวงศึกษาธิการแล้ว โรงเรียนได้ดำเนินงานโครงการตามพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ๗ โครงการคือ
๑) โครงการเกษตรเพื่ออาหารกลางวัน
๒) โครงการควบคุมโรคขาดสารไอโอดีน
๓) โครงการส่งเสริมคุณภาพการศึกษา
๔) โครงการนักเรียนในพระราชานุเคราะห์ฯ
๕) โครงการส่งเสริมสหกรณ์
๖) โครงการฝึกอาชีพ
๗) โครงการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
เมื่อวันที่ ๓ มกราคม ๒๕๓๕ พระพิบูลพุทธรังสี (พระสืบ ภัทรปัญโญ) ได้บริจาคเงิน จำนวน ๔๐,๐๐๐ บาท (สี่หมื่นบาทถ้วน) เพื่อจัดสร้างอาคารเรียนถาวรขึ้น จำนวน ๑ หลัง ขนาด ๘ x ๒๑ เมตร
เมื่อวันที่ ๙ ตุลาคม - ๕ พฤศจิกายน ๒๕๓๗ คณะนักศึกษาวิทยาลัยช่างกลปทุมวัน กรุงเทพฯ ได้ออกค่ายอาสาพัฒนา ทำการก่อสร้างอาคารเรียนแบบถาวร จำนวน ๑ หลัง ขนาด ๑๑ x ๔๓ เมตร จำนวน ๘ ห้องเรียน พร้อมเสาธงชาติ ห้องน้ำห้องส้วมนักเรียน จำนวน ๒ ห้อง มูลค่าประมาณ ๕๔๕,๐๒๕ บาท (ห้าแสนสี่หมื่นห้าพันยี่สิบห้าบาทถ้วน)
เมื่อวันที่ ๒๙ มกราคม ๒๕๓๘ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินทรงเยี่ยมโรงเรียนโรงเรียนแห่งนี้ และติดตามผลการดำเนินงานโครงการตามพระราชดำริ รวมทั้งสิ้น ๗ โครงการ และทรงปลูกต้นลิ้นจี่ พันธุ์จักรพรรดิ จำนวน ๑ ต้น
ปี ๒๕๓๙ โรงเรียนได้ดำเนินงานโครงการตามพระราชดำริ เพิ่มเติมอีก ๑ โครงการ คือ โครงการส่งเสริมโภชนาการและสุขภาพอนามัยแม่และเด็กในถิ่นทุรกันดาร รวมดำเนินการทั้งสิ้น ๘ โครงการ
เมื่อวันที่ ๑๑ ตุลาคม ๒๕๔๓ นายสำรวย โตยะวนิช ได้ดำเนินการก่อสร้างอาคารโรงอาหาร จำนวน ๑ หลัง ขนาด ๖ x ๑๑ เมตร มูลค่า ๑๐๐,๐๐๐ บาท (หนึ่งแสนบาทถ้วน)
ในปีการศึกษา ๒๕๔๖ โรงเรียนได้เริ่มจัดการเรียนการสอนนักเรียนตามหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๔๔ ในชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑ และชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔
โรงเรียนมีพื้นที่ทั้งหมด ๖ ไร่
|