ประวัติโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนบ้านปากลา ข้อมูลนักเรียน
การดำเนินโครงการ ผลการดำเนินโครงการ

ประวัติโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนบ้านปากลา

หมู่ที่ ๕ บ้านปากลา ตำบลนาโพธิ์กลาง อำเภอโขงเจียม จังหวัดอุบลราชธานี
เดิมบ้านปากลาไม่มีโรงเรียนให้บุตรหลานได้เรียนหนังสือ เนื่องจากตั้งอยู่ในพื้นที่ชายแดนซึ่งห่างไกลคมนาคมตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำโขงซึ่งกั้นระหว่างไทยกับสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ไม่มีถนนเข้าหมู่บ้าน ต้องใช้การสัญจรทางเรือตามลำแม่น้ำโขงเท่านั้น ราษฎรบ้านปากลาได้ร่วมกันทำหนังสือขอความอนุเคราะห์ไปยัง กองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดนเขต ๓ อำเภอเมือง จังหวัดอุบลราชธานี (ปัจจุบัน คือกองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ ๒๒ ค่ายสมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ ) เพื่อให้จัดตั้งโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน ต่อมากรมตำรวจได้อนุมัติให้จัดตั้งโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนบ้านปากลา เมื่อ วันที่ ๕ พฤษภาคม ๒๕๐๕ ราษฎรบ้านปากลาและกองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดน เขต ๓ ได้ร่วมกันก่อสร้างอาคารเรียนชั่วคราวขึ้น จำนวน ๑ หลัง โดยได้รับบริจาคที่ดินจากราษฎร จำนวนทั้งสิ้น ๖ ไร่ ปี พ.ศ.๒๕๓๔ กองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ ๒๒ ร่วมกับภาคเอกชน และส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง สร้างอาคารประกอบให้กับโรงเรียน จำนวน ๗ หลัง ได้แก่อาคารโรงอาหาร, บ้านพักครู, อาคารร้านสหกรณ์, ศูนย์พัฒนาเด็กก่อนวัยเรียน, ห้องน้ำห้องส้วม, ห้องสมุด และอาคารเรียน ปี พ.ศ.๒๕๓๘ พีระยานุเคราะห์มูลนิธิ บริจาคเงินสร้างบ้านพักครู จำนวน ๑ หลัง มูลค่า ๓๓๐,๐๐๐.-บาท ( สามแสนสามหมื่นบ้านถ้วน ) สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินทรงเยี่ยมโรงเรียน และทอดพระเนตรการดำเนินงานโครงการตามพระราชดำริ จำนวน ๔ ครั้ง ดังนี้ ครั้งที่ ๑ วันที่ ๑๐ เมษายน ๒๕๓๕
ครั้งที่ ๒ วันที่ ๑๙ เมษายน ๒๕๓๖
ครั้งที่ ๓ วันที่ ๒๓ ธันวาคม ๒๕๓๗
ครั้งที่ ๔ วันที่ ๑๖ ธันวาคม ๒๕๔๐
พ.ศ.๒๕๔๒ กองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ ๒๒ ก่อสร้างอาคารห้องพักครู จำนวน ๑ หลัง เป็นเงิน ๘๐,๐๐๐ บาท ( แปดหมื่นบาทถ้วน ) วันที่ ๑๑ ตุลาคม ๒๕๔๒ บริษัทโตโยต้าอุบลราชธานี จำกัด และสโมสรไลออนส์ราชธานีศรีวนาลัย ร่วมกันบริจาคเงิน และวัสดุอุปกรณ์ก่อสร้างอาคารอเนกประสงค์ จำนวน ๑ หลัง และอาคารศูนย์พัฒนาเด็กวัยเตาะแตะ จำนวน ๑ หลัง พร้อมทั้งย้ายห้องน้ำห้องส้วมจากเดิมไปสร้างใหม่เพิ่มเป็น ๔ ห้อง วันที่ ๑๘ พฤศจิกายน ๒๕๔๒ ชมรมแสงส่องหล้า และ บริษัทคาลิปโซ่เอนเตอร์เทน-เมนต์ จำกัด ได้บริจาคเงินก่อสร้างศูนย์พัฒนาเด็กก่อนวัยเรียน จำนวน ๑ หลัง และอาคารโรงอาหาร จำนวน ๑ หลัง รวมมูลค่า ๒๐๐,๐๐๐ บาท ( สองแสนบาทถ้วน ) เมื่อวันที่ ๒๐ เมษายน ๒๕๔๓ ชมรมแสงส่องหล้า และ บริษัท คาลิปโซ่เอนเตอร์เทนเมนต์ จำกัด และผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง ได้ทำพิธีอัญเชิญตราสัญลักษณ์พระนามาภิไธยย่อ "สธ" มาประดิษฐานบนอาคารศูนย์พัฒนาเด็กก่อนวัยเรียนแสงส่องหล้า ๗ และอาคารแสงส่องหล้า ทำการส่งมอบอาคารทั้ง ๒ หลัง โดยมี ฯพณฯ หม่อมราชวงศ์ อดุลกิติ์ กิติยากร องคมนตรี เป็นประธานในพิธีอัญเชิญตราสัญลักษณ์ และเปิดอาคาร พันตำรวจเอก ไพบูลย์ สอางชัย ผู้กำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ ๒๒ เป็นผู้รับมอบอาคาร โรงเรียนมีพื้นที่ทั้งหมด ๖ ไร่

ข้อมูลนักเรียน
ระบบการศึกษา
โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนบ้านปากลา สังกัดกองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พื้นที่รับผิดชอบของกองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ ๒๒ จังหวัดอุบลราชธานี
โรงเรียนเปิดทำการเรียนการสอนเมื่อปี ๒๕๐๕ โดยรับเด็กจากหมู่บ้านปากลา ปัจจุบันดำเนินการสอนเป็น ๒ ภาคเรียน ดังนี้
  • ภาคเรียนที่ ๑ เปิดเรียน ๑๖ พฤษภาคม ๒๕๔๓ ถึง ๑๐ ตุลาคม ๒๕๔๓
  • ภาคเรียนที่ ๒ เปิดเรียน ๑ พฤศจิกายน ๒๕๔๓ ถึง ๓๐ มีนาคม ๒๕๔๔

  • จำนวนครูและนักเรียน
    เมื่อเริ่มก่อตั้ง มีนักเรียน ๓๐ คน มีครูตำรวจตระเวนชายแดน ๒ นาย ปัจจุบันปีการศึกษา ๒๕๔๓ มีนักเรียน ๖๒ คน เป็นชาย ๒๘ คน หญิง ๓๔ คน มีครูตำรวจตระเวนชายแดน ๑๐ นาย

    ตารางแสดงจำนวนนักเรียน ปีการศึกษา ๒๕๔๓
    ชั้น
    ชาย
    หญิง
    รวม
    เด็กเล็กก่อนวัยเรียน
    ๑๔
    ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑
    ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๒
    ๑๐
    ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๓
    ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔
    ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๕
    ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๖
    ๑๐
    รวม
    ๒๘
    ๓๔
    ๖๒

    การศึกษาต่อของนักเรียนและการประกอบอาชีพของนักเรียน (ปีการศึกษา ๒๕๔๐ - ๒๕๔๒)
    ปัจจุบันมีนักเรียนที่จบชั้นประถมศึกษาปีที่ ๖ แล้วศึกษาต่อ จำนวน ๖ คน ประกอบอาชีพ จำนวน ๑๙ คน

    การดำเนินโครงการ
    โครงการเกษตรเพื่ออาหารกลางวัน
    ครูผู้รับผิดชอบ คือ ด.ต. เกียรติสมิง ชาญจิตร
    หน่วยงานที่ให้การสนับสนุน คือ กรมส่งเสริมการเกษตร, กรมปศุสัตว์, กรมประมง และวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีอุบลราชธานี
  • แหล่งน้ำใช้ในการเกษตร บ่อน้ำบาดาลของกรมทรัพยากรธรณี
  • แหล่งน้ำสำหรับดื่ม น้ำฝน
  • ปัจจุบันมีการประกอบเลี้ยง ๕ ครั้ง / สัปดาห์
  • ผู้ประกอบเลี้ยง คือ ครู, นักเรียน และผู้ปกครอง
    การเฝ้าระวัง มีนักเรียนที่มีภาวะน้ำหนักต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐาน จำนวน ๗ คน คิดเป็นร้อยละ ๑๔.๕๘
  • โรงเรียนได้รับการสนับสนุนค่าอาหารกลางวันในอัตรา ๖ บาท/คน/วัน
    การให้อาหารเสริม มีการดำเนินการ ดังนี้
    - นมผงชงให้นักเรียนทั้งหมดดื่มทุกวันเปิดเรียน ช่วงเช้า และเย็น
    - นมสด UHT แจกให้เด็กนำไปดื่มที่บ้านในช่วงปิดภาคเรียน
    - นมผงให้เด็กนักเรียนที่ขาดสารอาหารไปดื่มในวันหยุดเสาร์ - อาทิตย์

  • ผลการดำเนินโครงการ
    อัตราการขาดสารอาหารของเด็กนักเรียน ปีการศึกษา ๒๕๔๓ ครั้งที่ ๒
    ชั้น
    นร.ทั้งหมด
    นร.ที่ตรวจ
    นร.ปกติ
    ระดับ๑
    ระดับ๒
    ระดับ๓
    รวม
    % ต่ำกว่าเกณฑ์
    ประเมิน
    เด็กเล็ก
    ๑๔
    ๑๔
    ๑๓
    ๗.๑๔
    ดีมาก

    ชั้น
    นร.ทั้งหมด
    นร.ที่ตรวจ
    นร.ปกติ
    จำนวนต่ำกว่าเกณฑ์
    % ต่ำกว่าเกณฑ์
    ประเมิน
    ประถม ๑
    ๑๖.๖๗
    ดี
    ประถม ๒
    ๑๐
    ๑๐
    ๒๐.๐๐
    พอใช้
    ประถม ๓
    ๑๒.๕๐
    ดี
    ประถม ๔
    ๑๔.๒๙
    ดี
    ประถม ๕
    ๑๔.๒๙
    ดี
    ประถม ๖
    ๑๐
    ๑๐
    ๑๐.๐๐
    ดี
    รวม
    ๔๘
    ๔๘
    ๔๑
    ๑๔.๕๘
    ดี

    แหล่งอ้างอิง : สำนักงานโครงการส่วนพระองค์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี. (๒๑๐)