โครงการเกษตรเพื่ออาหารกลางวัน ระยะที่ 2

 

ความเป็นมา


     เป็นโครงการแรกที่จัดตั้งขึ้นโดยมุ่งเน้นให้ครูผู้ปกครองและนักเรียนร่วมกันทำ การเกษตรในโรงเรียนแล้วนำผลผลิตที่ได้มาประกอบเป็นอาหารกลางวันโดย สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารีพระราชทานเงินสิ่งของพันธุ์ พืชพันธุ์สัตว์วัสดุอุปกรณ์การเกษตรและอุปกรณ์การประกอบอาหารให้แก่โรงเรียน ในโครงการการดำเนินงานของโครงการนี้นอกจากจะช่วยแก้ปัญหาการขาดแคลน อาหารกลางวันแล้วยังทำให้เด็กนักเรียนได้รับความรู้ด้านการเกษตรแผนใหม่ทีนำ ไปใช้ประกอบเป็นอาชีพได้ต่อไป

วัตถุประสงค์

     เพื่อให้นักเรียนมีอาหารกลางวันที่มีคุณค่าทางโภชนาการบริโภคตลอดช่วงการศึกษาโดยใช้ผลผลิตทางการเกษตรที่ผลิตขึ้นภายในโรงเรียนมาประกอบอาหาร

กลุ่มประชากรเป้าหมาย

     เด็กนักเรียนโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน

เป้าหมายของโครงการ

     ๑.ในสิ้นปีงบประมาณ ๒๕๓๙ โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนทุกโรงสามารถประกอบเลี้ยงอาหารกลางวันได้ ๕ ครั้ง/สัปดาห์
     ๒.เพิ่มสัดส่วนผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรในโรงเรียน ต่อวัตถุดิบที่จัดหาจากแหล่งภายนอก เพื่อการประกอบ เลี้ยงอาหารกลางวันโดยเฉลี่ยต่อมื้อเป็น ๑ ต่อ ๑ ภายในปีงบประมาณ ๒๕๓๙์
     ๓.ลดภาวะทุพโภชนาการของเด็กนักเรียนให้เหลือร้อยละ ๑๐

แนวความคิดในการดำเนินงาน

     ๑.การจัดหาให้มีแหล่งน้ำเพื่อการเกษตรตลอดทั้งปีสำหรับโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน
     ๒.การส่งเสริมการผลิตอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการประเภท เนื้อสัตว์ ผัก ถั่วต่าง ๆ และผลไม้
     ๓.การส่งเสริมให้เด็กนักเรียนและประชาชนมีความรู้ทางด้านการเกษตร โภชนาการ การแปรรูปและการถนอมอาหารที่มีอยู่ในท้องถิ่น
     ๔.การส่งเสริมและสนับสนุนให้ประชาชนในพื้นที่นั้น ๆ ได้มีส่วนร่วมในทุก ๆ กิจกรรม

กิจกรรมสำคัญ

     ๑.จัดหาแหล่งน้ำเพื่อการเกษตรสำหรับโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน
     ๒.เพิ่มการผลิตอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการประเภทเนื้อสัตว์ให้เพียงพอกับความต้องการของนักเรียน
     ๓.เพิ่มการผลิตอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการประเภทผัก ถั่วต่าง ๆ และผลไม้ให้เพียงพอกับความต้องการของนักเรียน
     ๔.ประกอบการเลี้ยงอาหารกลางวัน และให้อาหารเสริม เช่น นมถั่วเหลือง เป็นต้น
     ๕.จัดฝึกอบรมในเรื่องการเกษตร โภชนาการ การแปรรูปและการถนอมอาหาร
     ๖.ประเมินภาวะโภชนาการและตรวจสุขภาพของเด็กนักเรียน ทุก ๓ เดือน

   แหล่งอ้างอิง: สำนักงานโครงการส่วนพระองค์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี .(๓) (ท๑ ส๖๕๒ ๒๕๓๙)

 

ภาคเหนือ มี 9 จังหวัด ดังนี้
เชียงราย, เชียงใหม่, น่าน, พะเยา, แพร่, แม่ฮ่องสอน, ลำปาง, ลำพูน, อุตรดิตถ์

 

ภาคกลาง มี 22 จังหวัด ดังนี้
กรุงเทพมหานคร, กำแพงเพชร, ชัยนาท, นครนายก, นครปฐม, นครสวรรค์, นนทบุรี, ปทุมธานี, พระนครศรีอยุธยา, พิจิตร, พิษณุโลก, เพชรบูรณ์, ลพบุรี, สมุทรปราการ, สมุทรสงคราม, สมุทรสาคร, สระบุรี, สิงห์บุรี, สุโขทัย, สุพรรณบุรี, อ่างทอง, อุทัยธานี

 

ภาคตะวันตก มี 5 จังหวัด ดังนี้
ตาก, กาญจนบุรี, ราชบุรี, เพชรบุรี, ประจวบคีรีขันธ์

 

ภาคใต้ มี 14 จังหวัด
กระบี่, ชุมพร, ตรัง, นครศรีธรรมราช, นราธิวาส, ปัตตานี, พังงา, พัทลุง, ภูเก็ต, ยะลา, ระนอง, สงขลา, สตูล, สุราษฎร์ธานี

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มี 20 จังหวัด ดังนี้
นครราชสีมา, อุบลราชธานี, ขอนแก่น, บุรีรัมย์, อุดรธานี, ศรีสะเกษ, สุรินทร์, ร้อยเอ็ด, ชัยภูมิ, สกลนคร, กาฬสินธุ์, มหาสารคาม, นครพนม, เลย, ยโสธร, หนองคาย, หนองบัวลำภู, บึงกาฬ, อำนาจเจริญ, มุกดาหาร

 

ภาคตะวันออก มี 7 จังหวัด ดังนี้
จันทบุรี, ชลบุรี, ตราด, ระยอง, ฉะเชิงเทรา, ปราจีนบุรี, สระแก้ว