ประวัติโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนบ้านปากลาระบบการศึกษา
รายงานการปฏิบัติงานโครงการหน่วย
แพทย์พระราชทาน ครั้งที่ ๑๔
รายงานการปฏิบัติงานโครงการหน่วย
แพทย์พระราชทาน ครั้งที่ ๒๐๓

ประวัติโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนบ้านปากลา

โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนบ้านปากลา ตั้งอยู่ หมู่ที่ ๕ ตำบลโพธิ์กลาง อำเภอโขงเจียม จังหวัดอุบลราชบุรี
โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนบ้านปากลา ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๐๕ ด้วยความร่วมมือร่วมใจของราษฎรภายในหมู่บ้าน ซึ่งมองเห็นความสำคัญด้านการศึกษาของบุตร-ธิดา เพื่อให้มีการอ่านออกเขียนได้ เดิมทีเด็กภายในหมู่บ้านไม่ได้รับการศึกษา เพราะเป็นหมู่บ้านที่ตั้งอยู่ห่างไกลคมนาคมและห่างไกลหมู่บ้านอื่นมาก เส้นทางเข้าออกมีแต่ทางเดินเท้า การสัญจรไปมาลำบากมาก จนถึงปัจจุบันนี้ก็ยังไม่มีเส้นทางเข้าออกภายในหมู่บ้าน เพราะสภาพเส้นทางเป็นภูเขา ลำธาร ราษฎรในหมู่บ้านได้ไปขอความช่วยเหลือจากสำนักงานการประถมศึกษาจังหวัดอุบลราชธานี แต่ไม่สามารถดำเนินการได้ เพราะเป็นพื้นที่อันตรายจากภายประเทศ คณะกรรมการหมู่บ้านปากลา จึงได้ร่วมกันไปขอความช่วยเหลือจากกองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดนเขต ๓ ขณะนั้นผลรากฎ ว่ากองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดนแดนเขต ๓ ยินดีที่จะจัดตั้งโรงเรียนให้ แต่อยู่ในความรับผิดชอบของกองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดนเขต ๓ ระยะหนึ่งก่อน ต่อมานายเกิ้น นาแพง และราษฎรบ้านปากลาได้บริจาคที่ดิน จำนวน ๓ ไร่ เพื่อปลูกสร้างอาคารเรียนชั่วคราว ๑ ขึ้น จำนวน ๑ หลัง
โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนบ้านปากลา เปิดทำการสอนเมื่อวันที่ ๑ พฤษภาคม ๒๕๐๕ โดยเปิดทำการสอนตั้งแต่ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑ - ๔ มีนักเรียนชาย จำนวน ๑๙ คน นักเรียนหญิง จำนวน ๑๑ คน รวมทั้งสิ้น ๓๐ คน เป็นอาคารเรียนชั่วคราว เรือนไม้ ได้รับการสนับสนุนอุปกรณ์การเรียนการสอนและครูตำรวจตระเวนชายแดน จากกองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดนเขต ๓ คือ ส.ต.ท.อุราช จันทร์วิจิตร พร้อมด้วย พลฯ กุ่ย สังข์ทอง มาทำการสอนนักเรียน จนถึงปี พ.ศ. ๒๕๑๔ กองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดนเขต ๓ ได้รับงบประมาณให้การสนับสนุนจัดสร้างอาคารเรียนแบบแปลนของกระทรวงศึกษาธิการพร้อมบ้านพักครู
การคมนาคมภายในหมู่บ้านบ้านปากลาไม่มีถนนติดต่อหมู่บ้านภายนอก มีแต่ทางเดินเท้าจนถึงปี พ.ศ. ๒๕๒๙ คณะครูได้ร่วมกับราษฎรในหมู่บ้านทำการปรับปรุงซ่อมแซมถนน ด้วยการระเบิดหินให้เป็นเส้นทาง และรถยนต์สามารถเข้าออกในหมู่บ้านได้เป็นครั้งแรก แต่ก็ยังเข้าได้เฉพาะหน้าแล้งเท่านั้น ซึ่งขณะนี้ถนนไม่สามารถใช้การได้

สภาพทั่วไปของหมู่บ้าน
บ้านปากลา ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. ๒๔๖๘ โดยนายบุญยัง คงทน และราษฎรบ้านนาโพธิ์กลาง อำเภอโขงเจียม จำนวน ๖ คน ได้อพยพมาหาปลาที่บริเวณห้วยลา ซึ่งไหลเทลงน้ำโขงและเป็นที่มีปลาชุกชุม บางครั้งต้องเดินทางข้ามไปยังประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประเทศลาว เพื่อนำปลาที่จับได้ไปแลกเปลี่ยนเป็นสินค้าอย่างอื่น เช่น ข้าว และสินค้าอุปโภคอื่น ๆ จนกระทั่วได้ตั้งรกรากอยู่เป็นหมู่บ้านปากลาในปัจจุบัน สภาพพื้นที่โดยทั่วไปเป็นป่าตามแนวเชิงเขาและเป็นลาญหิน จึงมีพื้นที่สำหรับทำการเกษตรน้อยมาก จะมีพื้นที่เป็นดินเฉพาะบริเวณตามแนวตลิ่งของแม่น้ำโขงเท่านั้น

อาณาเขต
ทิศเหนือติดต่อบ้านดงนา ตำบลหนามแท่ง อำเภอศรีเมืองใหม่
ทิศใต้ติดต่อติดต่อบ้านคันท่าเกวียน ตำบลนาโพธิ์กลาง
ทิศตะวันออกติดต่อแม่น้ำโขง
ทิศตะวันตกติดต่อบ้านโหง่นขาม ตำบลหนามแท่ง และบ้านซะซอม ตำบลนาโพธิ์กลาง

การคมนาคม
หมู่บ้านปากลา เป็นหมู่บ้านชายแดน ห่างไกลการคมนาคม ไม่มีถนนเข้าถึงหมู่บ้าน มีแต่ทางเกวียน ซึ่งสามารถใช้ได้บางฤดูกาลเท่านั้น ราษฎรส่วนใหญ่นิยมใช้การคมนาคมทางเรือ ตามลำแม่น้ำโขง ถึงบ้านคันท่าเกวียน ระยะทางประมาณ ๑๔ กิโลเมตร สำหรับส่วนราชการในพื้นที่มักใช้การเดินทางโดยเฮลิคอปเตอร์ของทางราชการ

จำนวนประชากร
ปัจจุบันหมู่บ้านปากลา มีประชากร จำนวน ๖๗ ครอบครัว เป็นชาย ๑๖๘ คน หญิง ๑๖๖ คน รวม ๓๓๔ คน

การประกอบอาชีพ/รายได้เฉลี่ย
ราษฎรหมู่บ้านปากลา ส่วนใหญ่ประกอบอาชีพประมงเป็นหลัก ทำนา ทำไร่ และเลี้ยงสัตว์ ผลผลิตที่ได้ไม่เพียงพอต่อการอุปโภคบริโภค เนื่องจากมีพื้นที่ทำการเกษตรน้อย ทำให้ราษฎรส่วนใหญ่มีฐานะยากจน มีรายได้เฉลี่ย ๕,๐๐๐ บาท/ครอบครัว/ปี

ผู้นำหมู่บ้าน
กำนัน นายชิน แสงเมตร
ผู้ใหญ่บ้าน นายสมพงษ์ คงทน

ข้อมูลทั่วไปหมู่บ้านใกล้เคียง
หมู่บ้านใกล้เคียง ได้แก่ หมู่บ้านดงนา หมู่ที่ ๕ ตำบลหนามแท่ง อำเภอศรีเมืองใหม่ จังหวัดอุบลราชธานี อยู่ทางทิศเหนือของหมู่บ้านปากลา ระยะทางประมาณ ๑๐ กิโลเมตร มีประชากร ๕๔ ครอบครัว เป็นชาย ๑๔๑ คน เป็นหญิง ๑๒๘ คน รวมทั้งสิ้น ๒๖๙ คน สภาพทั่วไปของหมู่บ้าน การประกอบอาชีพของราษฎร คล้ายคลึงกันกับราษฎรบ้านปากลา

ปัญหาของหมู่บ้านที่ต้องการพัฒนา
๑. เส้นทางคมนาคมไม่สะดวก
๒. ขาดแคลนน้ำบริโภค และใช้ในการเกษตรในฤดูแล้ง
๓. ไม่มีที่ดินทำกินเป็นกรรมสิทธิ์ของตนเอง
๔. ต้องการมีอาชีพที่มั่นคง และอาชีพเสริม เพื่อให้มีรายได้เพียงพอต่อการครองชีพ
๕. ต้องการให้รัฐบาลส่งเสริมการประกอบอาชีพ ทั้งด้านวิชาการ และการตลาด

ระบบการศึกษา
โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนบ้านปากลา เป็นโรงเรียนที่ตั้งขึ้นในสังกัดของกองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ ๒๒ จังหวัดอุบลราชธานี เปิดทำการสอนตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๐๕ โดยรับเด็กจากหมู่บ้านปากลา ดำเนินการสอนเป็น ๓ ภาคเรียน ดังนี้
  • ภาคเรียน ๑ เปิด ๒ พฤษภาคม ๒๕๓๗ ถึง ๑๕ กรกฎาคม ๒๕๓๗
  • ภาคเรียน ๒ เปิด ๑ สิงหาคม ๒๕๓๗ ถึง พฤศจิกายน ๒๕๓๗
  • ภาคเรียน ๓ เปิด ๑ ธันวาคม ๒๕๓๗ ถึง ๒๕ มีนาคม ๒๕๓๘

  • จำนวนครูและนักเรียน
    เมื่อเริ่มก่อตั้ง มีนักเรียน ๓๐ คน และครูตำรวจตระเวนชายแดน ๒ นาย ในปัจจุบันมีนักเรียนทั้งสิ้น ๗๕ คน เป็นชาย ๔๑ คน หญิง ๓๔ คน ครูตำรวจตระเวนชายแดน ๖ นาย

    ตารางแสดงจำนวนครูและคุณวุฒิ
    ยศ - ชื่อ - นามสกุล คุณวุฒิ ทำหน้าที่
    ๑) ด.ต.พิสุทธิ์ กุลโชติ ม.ศ. ๓ ครูใหญ่
    ๒) ด.ต.จาตุรงค์ เจริญศรี ม.ศ. ๓ โครงการเกษตรเพื่ออาหารกลางวัน
    ๓) จ.ส.ต.สังกา บุญครอง
    -
    -
    ๔) จ.ส.ต.เสถียร จันทรศรี ม.ศ. ๓ โครงการเกษตรเพื่ออาหารกลางวัน
    ๕) จ.ส.ต.ทรงศิลป์ กลิ่นหวาน ม.ศ. ๕ ครูห้องสมุด
    ๖) พลฯไชยา สมัครวงษ์ ม.ศ. ๕ โครงการส่งเสริมสหกรณ์

    ตารางแสดงจำนวนนักเรียน
    ชั้น
    ชาย
    หญิง
    รวม
    ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑
    -
    ๑๓
    ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๒
    ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๓
    ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔
    ๑๒
    ๒๔
    ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๕
    ๑๒
    -
    -
    ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๖
    ๑๓
    ๒๐
    รวม
    ๔๑
    ๓๔
    ๗๕

    โครงการตามพระราชดำริที่โรงเรียนดำเนินการอยู่
    เพื่อเป็นการพัฒนาเด็กและเยาวชนให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น สมเด็จพระเทพรัตนาราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าให้ดำเนินการโครงการตามพระราชดำริฯ ขึ้นในโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน ตามแผนพัฒนาเด็กและเยาวชนในถิ่นทุรกันดาร (๓๕๓๕ - ๒๕๓๙) ดังต่อไปนี้ ี

    รายงานการปฏิบัติงานโครงการหน่วย
    แพทย์พระราชทาน ครั้งที่ ๑๔

    วันที่๑๙ เมษายน ๒๕๓๖
    สถานที่ร.ร.ตชด.ปากลา หมู่ ๔ ต.นาโพธิ์กลาง อ.โขงเจียม จ.อุบลราชธานี
    ระยะเวลาที่เปิดบริการเริ่มตั้งแต่เวลา ๐๙.๐๐ น. จนถึงเวลา ๑๕.๐๐ น.

    จำนวนเจ้าหน้าที่ทั้งหมดที่ออกหน่วยแพทย์พระราชทาน
    หน่วยแพทย์พระราชทานได้รับการสนับสนุนทางด้านบุคลากรจากหน่วยงานส่วนกลางและส่วนภูมิภาค จำนวน ทั้งสิ้น ๑๔ คน (รายละเอียดตามผนวก ก.) และสามารถจำแนกได้ดังนี้

    หน่วยงาน
    เจ้าหน้าที่
    แพทย์
    เภสัชกรรม
    ทันตกรรม
    พยาบาล
    อื่น ๆ
    รวม
    สำนักงานแพทย์ใหญ่กรมตำรวจ
    กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน
    สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด
    สำนักงานโครงการส่วนพระองค์
    สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ
    สยามบรมราชกุมารี
    รวมทั้งสิ้น
    ๑๔

    สรุปผลการดำเนินงานการบริการตรวจสุขภาพนักเรียน
    ในการออกหน่วยแพทย์พระราชทานครั้งนี้ นอกจากจะมีการให้บริการตรวจรักษาโรคแล้ว ยังมีการให้บริการทันตกรรมด้วย โดยให้บริการแก่ นักเรียนร.ร. ตชด.ปากลา และราษฎรที่มาเฝ้ารอรับเสด็จฯ จำนวนทั้งสิ้น ๑๘๙ คน ในจำนวนนี้เป็นชาย ๗๗ คน (ร้อยละ ๔๕.๕๖) และหญิง ๑๑๒ คน (ร้อยละ ๔๐.๗๔) ดังรายละเอียดต่อไปนี้

    จำนวนผู้เข้ารับบริการตรวจรักษาจำแนกตามอายุ
    ผู้เข้าทำการตรวจรักษาส่วนใหญ่มีอายุมากกว่า ๗ - ๑๔ ปี (ร้อยละ ๓๗.๐๔) รองลงมาคือกลุ่มผู้มีอายุมากกว่า ๑๘ - ๕๐ ปี (ร้อยละ ๒๓.๘๑)

    ช่วงอายุ (ปี)
    จำนวน (คน)
    ร้อยละ
    ๐ - ๕
    ๔๐
    ๒๑.๑๖
    > ๕ - ๗
    ๑๘
    ๙.๕๒
    > ๗ - ๑๔
    ๗๐
    ๓๗.๐๔
    > ๑๔ - ๑๘
    ๑.๕๙
    > ๑๘ - ๕๐
    ๔๕
    ๒๓.๘๑
    > ๕๐
    ๑๓
    ๖.๘๘
    รวม
    ๑๘๙
    ๑๐๐.๐๐

    จำนวนผู้เข้ารับบริการตรวจรักษาจำแนกตามสภานภาพของผู้ป่วย
    ผู้ป่วย
    จำนวน (คน)
    ร้อยละ
    ผู้ป่วยทั่วไป
    ๑๘๘
    ๙๙.๔๗
    ผู้ป่วยในพระราชานุเคราะห์
    ๐.๕๓
    รวม
    ๑๘๙
    ๑๐๐.๐๐

    หมายเหตุรายชื่อผู้ป่วยในพระราชานุเคราะห์ และอาการเจ็บป่วยตามผนวก ข

    จำนวนผู้ป่วย เข้ารับการตรวจรักษาจำแนกตามโรค
    โรคที่ตรวจพบมากที่สุด ได้แก่ โรคระบบประสาท รองลงมาคือ โรคระบบทางเดินหายใจ ดังแสดงในตารางต่อไปนี้

    โรค
    จำนวน (คน)
    ร้อยละ
    โรคระบบทางเดินหายใจ
    ๓๗
    ๑๙.๕๘
    โรคระบบทางเดินอาหาร
    ๒๔
    ๑๗.๙๙
    โรคระบบ หู ตา คอ จมูก
    ๒๙
    ๑๕.๓๔
    โรคระบบประสาท
    ๖๓
    ๓๓.๓๓
    โรคระบบกล้ามเนื้อและกระดูก
    ๑.๕๙
    โรคระบบทางเดินปัสสาวะ&อวัยวะสืบพันธุ์
    ๒.๑๒
    โรคผิวหนัง
    ๔.๒๓
    โรคเหงือกและฟัน
    ๑.๕๙
    โรคอื่น ๆ
    ๔.๒๓
    รวม
    ๑๕๖
    ๑๐๐.๐๐

    หมายเหตุโรคอื่น ๆ คือ โรคเลือด

    ค่าใช้จ่าย

    ในส่วนของยาพระราชทานใช้ในการออกหน่วยแพทย์พระราชทาน ที่ร.ร.ตชด.ปากลา รวมเป็นเงินทั้งสิ้น ประมาณ ๕,๗๖๗ บาท

    รายงานการปฏิบัติงานโครงการหน่วย
    แพทย์พระราชทาน ครั้งที่ ๒๐๓

    วันที่๑๖ ธันวาคม ๒๕๔๐
    สถานที่ร.ร.ตชด.บ้านปากลา ตำบลนาโพธิ์กลา อำเภอโขงเจียม จังหวัดอุบลราชธานี
    ระยะเวลาที่เปิดบริการเริ่มตั้งแต่เวลา ๐๘.๐๐ น. ถึง ๑๓.๐๐ น.

    จำนวนเจ้าหน้าที่ทั้งหมดที่ออกหน่วยแพทย์พระราชทาน
    หน่วยแพทย์พระราชทานได้รับการสนับสนุนด้านบุคลากรจากหน่วยงานส่วนกลางและส่วนภูมิภาค จำนวนทั้งสิ้น ๖๗ คน (รายละเอียด ผนวก ก) สามารถจำแนกได้ดังนี้

    หน่วยงาน
    เจ้าหน้าที่
    แพทย์
    เภสัชกรรม
    ทันตกรรม
    พยาบาล
    อื่น ๆ
    รวม
    สำนักงานโครงการส่วนพระองค์
    กาชาดเขต ๗
    ค่ายสรรพสิทธิ์ประสงค์
    ๑๒
    สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด อุบลราชธานี
    ๒๗
    ๔๓
    กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน
    รวมทั้งสิ้น
    ๑๒
    ๔๑
    ๖๗

    สรุปผลการดำเนินงานการบริการตรวจสุขภาพนักเรียน
    มีนักเรียนเข้ารับบริการตรวจสุขภาพ เป็นจำนวนทั้งสิ้น ๖๙ คน นักเรียนชาย ๓๑ คน (ร้อยละ ๔๔.๙๓) และนักเรียนหญิง ๓๘ คน(ร้อยละ ๕๕.๐๗) ดังแสดงรายละเอียดในตารางต่อไปนี้

    โรค
    จำนวน (คน)
    ร้อยละ
    ปกติ
    ๓๗
    ๕๓.๖๒
    โรคระบบทางเดินหายใจ
    ๑๙
    ๒๗.๕๔
    โรคระบบทางเดินอาหาร
    ๗.๒๕
    โรคระบบ หู ตา คอ จมูก
    ๐.๐๐
    โรคระบบประสาท
    ๐.๐๐
    โรคระบบกล้ามเนื้อและกระดูก
    ๐.๐๐
    โรคระบบทางเดินปัสสาวะ&อวัยวะสืบพันธุ์
    ๐.๐๐
    โรคผิวหนัง
    ๐.๐๐
    โรคเหงือกและฟัน
    ๑๐.๑๔
    โรคอื่น ๆ
    ๑.๔๕
    รวม
    ๖๙
    ๑๐๐

    จากตาราง โรคที่ตรวจพบมากที่สุด ได้แก่ โรคระบบทางเดินหายใจ (ร้อยละ ๒๗.๕๔) รองลงมาคือ โรคเหงือกและฟัน (ร้อยละ ๑๐.๑๔)

    การให้บริการตรวจรักษาราษฎร
    ในการออกหน่วยแพทย์พระราชทานครั้งนี้ มีราษฎรที่มาเฝ้ารอรับเสด็จ ฯ เข้ารับบริการตรวจรักษา จำนวนทั้งสิ้น ๘๑ คน ในจำนวนนี้เป็นชาย ๓๖ คน (ร้อยละ ๔๔.๔๔) และหญิง ๔๕ คน (ร้อยละ๕๕.๕๖) ดังแสดงรายละเอียดในตารางต่อไปนี้

    โรค
    จำนวน (คน)
    ร้อยละ
    ปกติ
    ๒.๔๗
    โรคระบบทางเดินหายใจ
    ๒๓
    ๒๘.๔๐
    โรคระบบทางเดินอาหาร
    ๑๕
    ๑๘.๕๒
    โรคระบบ หู ตา คอ จมูก
    ๑.๒๓
    โรคระบบประสาท
    ๓.๗๐
    โรคระบบกล้ามเนื้อและกระดูก
    ๒๓
    ๒๘.๔๐
    โรคระบบทางเดินปัสสาวะ&อวัยวะสืบพันธุ์
    ๑.๒๓
    โรคผิวหนัง
    ๓.๗๐
    โรคเหงือกและฟัน
    ๑.๒๓
    โรคอื่น ๆ
    ๑๑.๑๑
    รวม
    ๘๑
    ๑๐๐

    จากตาราง โรคที่ตรวจพบมากที่สุด ได้แก่ โรคระบบทางเดินหายใจ (ร้อยละ ๒๘.๔๐) รองลงมาคือ โรคระบบทางเดินหายใจ (ร้อยละ ๒๘.๔๐)

    จำนวนผู้เข้ารับบริการตรวจรักษาจำแนกตามอายุ
    ผู้เข้ารับการตรวจรักษาส่วนใหญ่มีอายุ ในช่วง ๑๕ - ๔๙ ปี (ร้อยละ ๔๘.๑๕) รองลงมาคือกลุ่มผู้มีอายุ มากกว่า ๕๐ ปี (ร้อยละ ๓๐.๘๖)

    ตารางแสดงจำนวนผู้เข้ารับการรักษาจำแนกตามอายุของผู้ป่วย
    ช่วงอายุ (ปี)
    จำนวน (คน)
    ร้อยละ
    น้อยกว่า ๑ ปี
    ๑.๒๓
    ๑ - ๔
    ๑๑.๑๑
    ๕ - ๑๔
    ๘.๖๔
    ๑๕ - ๔๙
    ๓๙
    ๔๘.๑๕
    มากกว่า ๕๐ ปี
    ๒๕
    ๓๐.๘๖
    รวม
    ๘๑
    ๑๐๐.๐๐

    จำนวนผู้เข้ารับบริการตรวจรักษาจำแนกตามสภานภาพของผู้ป่วย ตารางแสดงจำนวนผู้เข้ารับการรักษาจำแนกตามสภาพของผู้ป่วย
    ผู้ป่วย
    จำนวน (คน)
    ร้อยละ
    ผู้ป่วยทั่วไป
    ๑๔๙
    ๙๙.๓๓
    ผู้ป่วยในพระราชานุเคราะห์
    ๐.๖๗
    รวม
    ๑๕๐
    ๑๐๐.๐๐

    ค่าใช้จ่าย
    ในส่วนของยาพระราชทานใช้ในการออกหน่วยแพทย์พระราชทานที่ ร.ร.ตชด.บ้านปากลา เป็นจำนวนเงินประมาณ ๑๐๕๖๙.๐๐บาท

    กองทุนพระราชทาน
    สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารีได้พระราชทานเงินเพื่อจัดตั้ง "กองทุนพระราชทานเพื่อสงเคราะห์คนไข้ยากจนในสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี" ได้แก่
    ๑. รพ. โขงเจียม จำนวน ๕๐๐๐.๐๐ บาท
    ๒. รพ. สรรพสิทธิ์ประสงค์ จำนวน ๕๐๐๐.๐๐ บาท
    ๓. รพ. ค่ายสรรพสิทธิ์ประสงค์ จำนวน ๕๐๐๐.๐๐ บาท

    แหล่งอ้างอิง : สำนักงานโครงการส่วนพระองค์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ
    สยามบรมราชกุมารี. (๓๐)
    (อีสาน ท๑ ส๖๕๒๔ ๒๕๓๗)

    สำนักงานโครงการส่วนพระองค์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ
    สยามบรมราชกุมารี. (๓๗)
    (อีสาน ท๑ ส๖๕๒๘ ๒๕๔๐)

    สำนักงานโครงการส่วนพระองค์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ
    สยามบรมราชกุมารี. (๙๑)
    [ท๒๖ ส๖๕๒ ๒๕๓๖ (๑-๑๔)]

    สำนักงานโครงการส่วนพระองค์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ
    สยามบรมราชกุมารี. (๙๗)
    [ท๒๖ ส๖๕๒ ๒๕๔๐ (๒๐๓)]