![]() |
![]() |
ประวัติโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนบ้านหนองตะไก้
ตั้งอยู่หมู่ที่ ๗ บ้านหนองตะไก้ ตำบลโป่งเปือย อำเภอบึงกาฬ จังหวัดหนองคาย
ด้วยหมู่บ้านหนองตะไก้ ได้จัดตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ.๒๕๑๒ มีราษฎรอาศัยอยู่ ๗ ครอบครัว และได้ขยายใหญ่ขึ้นตามลำดับ นักเรียนต้องเดินทางไปเรียนหนังสือที่โรงเรียนบ้านโนนสว่างและโรงเรียนบ้านโป่งเปือย ซึ่งอยู่ห่างจากหมู่บ้าน ๔ - ๕ กิโลเมตร ทำให้นักเรียนได้รับความลำบาก โดยเฉพาะฤดูฝน ถนนเป็นเลนโคลน เป็นเหตุให้นักเรียนขาดเรียนบ่อยผลการเรียนอยู่ในเกณฑ์ต่ำ จึงเป็นปัญหาของผู้ปกครองนักเรียนและครูผู้สอนเป็นอย่างยิ่ง
ในปี พ.ศ.๒๕๓๖ ได้รับอนุมัติเป็นหมู่บ้านถาวร ผู้ปกครองนักเรียนได้เล็งเห็นความยากลำบากของบุตรหลานที่ต้องเดินทางไปเรียนที่หมู่บ้านอื่น คณะกรรมการหมู่บ้านจึงมีมติเห็นชอบให้ขอจัดตั้งเป็นโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน จึงทำหนังสือเรียนเสนอถึงผู้กำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ ๒๔ โดยผ่านกองร้อยตำรวจตระเวนชายแดนที่ ๒๔๔ และได้ทำหนังสือขอใช้ที่สาธารณประโยชน์ของหมู่บ้านเป็นพื้นที่จัดตั้งโรงเรียนจากสภาตำบลหนองเข็ง
ต่อมาวันที่ ๑๐ กรกฎาคม ๒๕๓๘ กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน ได้อนุมัติให้จัดตั้งเป็นโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนบ้านหนองตะไก้ และกองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ ๒๔ ได้แต่งตั้งให้ครูเข้าเปิดทำการเรียนการสอนเมื่อวันที่ ๔ กันยายน ๒๕๓๘ เป็นต้นมา
ความเป็นมาของหมู่บ้าน
บ้านหนองตะไก้ก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ.๒๕๑๒ โดยนายจันทร์แดง ผิวดำ พร้อมครอบครัว บุตรหลาน จำนวน ๗ ครอบครัว ได้อพยพมาจากบ้านสมัยสำราญ ตำบลโป่งเปือย เพื่อมาตั้งบ้านเรือนอยู่ตามไร่นาของตนเอง ซึ่งเป็นที่ลุ่มดอน
ต่อมามีครอบครัวอื่นๆ อพยพเข้ามาสมทบเรื่อยๆ จนกลายเป็นชุมชนขนาดใหญ่ จึงได้ตั้งชื่อแห่งนี้ว่า "บ้านหนองตะไก้" สาเหตุที่ตั้งชื่อบ้านหนองตะไก้ เพราะใกล้หมู่บ้านแห่งนี้มีหนองน้ำขังตลอดปี มีปลาชุกชุม และรอบๆ หนองมีต้นตะไก้ขึ้นอยู่ ปัจจุบันคือบ่อเลี้ยงปลาของโรงเรียน
ต่อมาปี พ.ศ.๒๕๓๖ ทางอำเภอบึงกาฬเห็นว่าหมู่บ้านตะไก้เป็นหมู่บ้านขนาดใหญ่ จึงได้จัดตั้งให้เป็นหมู่บ้านถาวร
การคมนาคม
สภาพถนนที่ใช้ในการติดต่อ จากหมู่บ้านไปอำเภอบึงกาฬเป็นถนนลูกรัง มี ๒ เส้นทาง คือ
- เส้นทางผ่านหมู่บ้านโนนสว่าง บ้านไคสี จนถึงอำเภอบึงกาฬ ระยะทาง ๒๗ กิโลเมตร
- เส้นทางผ่านหมู่บ้านห้วยสามยอดเทวกุล บ้านห้วยดอกไม้ วิทยาลัยการอาชีพบึงกาฬ ถึงอำเภอบึงกาฬ ระยะทาง ๑๕ กิโลเมตร
จำนวนประชากร
ปัจจุบันมีประชากรทั้งหมด ๓๐๘ คน เป็นชาย ๑๕๖ คน หญิง ๑๕๒ แยกเป็นครอบครัว ๗๕ ครัวเรือน
การประกอบอาชีพ
ประชากรส่วนใหญ่มีอาชีพเกษตรกรรม รับจ้างทั่วไป และหลังจากเสร็จสิ้นฤดูเก็บเกี่ยวก็จะไปทำงานต่างจังหวัดและกรุงเทพฯ เนื่องจากขาดที่ดินทำกินและอาชีพรองรับหลังจากเสร็จสิ้นการทำไร่ทำนา
ผู้นำหมู่บ้าน
ผู้ใหญ่บ้าน ชื่อ นายเคน พงกระเสริม
ระบบการศึกษา
โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนบ้านหนองตะไก้ เป็นโรงเรียนที่ตั้งขึ้นในสังกัดกรมตำรวจ พื้นที่รับผิดชอบของกองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ ๒๔ จังหวัดอุดรธานี กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน
โรงเรียนเปิดทำการสอนตั้งแต่ปี พ.ศ.๒๕๓๘ ดำเนินการสอนเป็น ๒ ภาคเรียน ดังนี้
- ภาคเรียนที่ ๑ เปิด ๑๗ พฤษภาคม ๒๕๓๙ ถึง ๓๐ กันยายน ๒๕๓๙
- ภาคเรียนที่ ๒ เปิด ๑ พฤศจิกายน ๒๕๓๙ ถึง ๓๑ มีนาคม ๒๕๔๐
จำนวนครูและนักเรียน
เมื่อเริ่มก่อตั้ง มีนักเรียน ๕๗ คน มีครูตำรวจตระเวนชายแดน ๘ นาย
ปัจจุบันมีนักเรียน ๖๑ คน เป็นชาย ๒๘ คน หญิง ๓๓ คน มีครูตำรวจตระเวนชายแดน ๘ นาย
ตารางแสดงจำนวนครูและคุณวุฒิ
|
ตารางแสดงจำนวนนักเรียน ปีการศึกษา ๒๕๓๙
|
โครงการตามพระราชดำริที่โรงเรียนดำเนินการอยู่
เพื่อเป็นการพัฒนาเด็กและเยาวชนให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารีทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ดำเนินงานโครงการตามพระราชดำริขึ้น ในโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน ตามแผนพัฒนาเด็กและเยาวชนในถิ่นทุรกันดาร (๒๕๓๕ - ๒๕๓๙) ดังต่อไปนี้
โครงการเกษตรเพื่ออาหารกลางวัน
หน่วยงานที่ให้การสนับสนุน ได้แก่ วิทยาลัยเกษตรกรรมอุดรธานี เกษตรอำเภอบึงกาฬ
ผลผลิตทางการเกษตร ระหว่างเดือนพฤษภาคม ถึงเดือนสิงหาคม ๒๕๓๙
|
ปัจจุบันมีการประกอบเลี้ยง ๕ ครั้ง/สัปดาห์
ผู้ประกอบเลี้ยง คือ ครู และผู้ปกครองนักเรียน
โรงเรียนได้รับการสนับสนุนค่าอาหารกลางวันจากกระทรวงศึกษาธิการ โดยได้รับในอัตรา ๕ บาท/คน/วัน และได้รับอาหารเสริม คือ นมสด UHT นมผงพระราชทาน แป้งถั่วเหลืองพระราชทาน
การให้อาหารเสริม มีการดำเนินการ ดังนี้
๑. นมสด UHT ให้นักเรียนที่น้ำหนักต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐานดื่ม วันละ ๑ กล่อง
๒. นมผง ให้นักเรียนทั้งหมดดื่มทุกวันอังคาร และวันพฤหัสบดี
๓. นมถั่วเหลือง ให้นักเรียนดื่มทุกวันจันทร์ พุธ และศุกร์
อัตราการมีน้ำหนักต่ำกว่าเกณฑ์ (ปีการศึกษา ๒๕๓๙ ครั้งที่ ๑)
|
|
รายการสิ่งของพระราชทาน
ปีการศึกษา ๒๕๓๙ - ๒๕๔๐
๑. แป้งถั่วเหลือง ๒ งวด จำนวน ๔๕ กิโลกรัม
๒. น้ำตาลทราย ๒ งวด จำนวน ๔๕ กิโลกรัม
๓. นมผง ๒ งวด จำนวน ๗๕ กิโลกรัม
๔. เมล็ดพันธุ์ผัก ๒ งวด จำนวน ๒ ชุด
แหล่งอ้างอิง : สำนักงานโครงการส่วนพระองค์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี . (๑๐๐) (อีสาน ท๑ ส๖๕๒๓ ๒๕๓๙)